วิธีประหยัดเงินในกระเป๋า ใครว่าต้องใช้เงินน้อยลง เพียงแค่คุณตัดรายจ่ายเกินความจำเป็นเหล่านี้ทิ้งไป ก็มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นได้แล้ว
รู้ไหมคะว่าค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็นแอบแฝงอยู่รอบตัวเราราวกับอากาศที่เราใช้หายใจเชียวล่ะ ที่สำคัญหลายคนยังมองไม่ออกด้วยว่า เงินที่เราเสียไปในทุก ๆ วันนั้นเป็นเงินที่จริง ๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องจ่ายออกไปด้วยซ้ำ อย่าง 15 ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหล่านี้ไง หากคุณสามารถลดหรือตัดค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็นเหล่านี้ได้ ก็จะมีเงินเหลือในกระเป๋าเพิ่มขึ้น
1. ค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างธนาคาร
บางครั้งแค่เราเช็กยอดเงินผ่านตู้ธนาคารที่ไม่ใช่เจ้าของบัตร ATM ก็โดนเก็บค่าธรรมเนียมต่างธนาคารไป 10 บาทแล้ว อีกทั้งหากยังดันทุรังกดเงินต่างธนาคารอีก ค่าธรรมเนียมก็จะถูกหักไปอีก 10 บาท หรือบางธนาคารก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 15-25 บาทต่อการกดเงิน 1 ครั้งเชียวนะเนี่ย เงินที่ไม่ควรเสียที่หลายคนชอบคิดไปว่าถือเป็นค่าความสะดวกสบาย จะได้ไม่ต้องเดินไกลไปหาตู้ ATM เจ้าของบัตร แต่หากลองนึกดูดี ๆ เงินจำนวน 15-25 บาทก็สามารถซื้อขนมรองท้องกินได้สบาย ๆ และถ้านำเงินส่วนนี้เก็บไปออม เดือนนึงเราก็มีเงินเก็บอย่างต่ำก็ 300 แล้ว ว่าไหมล่ะ
2. เคเบิลทีวี
ลองนึกดูสิคะว่าในแต่ละวันคุณมีเวลาเปิดดูทีวีสักกี่ชั่วโมงกันเชียว เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่ากิจกรรมในชีวิตประจำวันก็ทำให้แทบอยู่ไม่ติดบ้าน กลับเข้าบ้านอีกทีก็ถึงเวลาอาบน้ำเตรียมเข้านอนไปแล้ว ฉะนั้นหากนึกได้ว่าทีวีไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ แถมหากเปิดดูทีวีก็ดูอยู่แค่ช่องที่ไม่ใช่เคเบิล แบบนี้อาจต้องลดทอนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายมากขึ้น
3. ค่าส่งของออนไลน์
สำหรับสาวนักช้อปออนไลน์ทั้งหลาย เคยลองคำนวณบางไหมครับว่า ค่าส่งสินค้าที่คุณซื้อผ่านทางออนไลน์แต่ละชิ้น เดือนนึงรวมกันแล้วเป็นเงินเท่าไร เพราะต้องบอกว่าบางคนซื้อของทางออนไลน์หลายเจ้ามาก ๆ และมักต้องเสียค่าส่งสินค้าชิ้นละ 50 บาทเป็นขั้นต่ำ ซึ่งถ้าซื้อมา 5 เจ้า ก็ต้องเสียค่าส่งสินค้าไปฟรี ๆ 250 บาท โอ้ ! เยอะอยู่นะ ฉะนั้นหากเป็นไปได้พยายามช้อปออนไลน์น้อย ๆ จะดีกว่า แล้วค่อยหาโอกาสไปช้อปด้วยตัวเองสักเดือนละครั้งก็พอ
4. เครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า
ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือน้ำหวานต่าง ๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า สินค้าเหล่านี้มีราคามากกว่า 10 บาททั้งนั้น ซึ่งหากคุณซื้อเครื่องดื่มเหล่านี้มาดื่มวันละ 2 ชนิดเป็นอย่างต่ำ ก็ตกเป็นเงินวันละ 20 บาท เดือนนึงก็ตกราว ๆ 600 บาท นี่ยังไม่นับกาแฟมีแบรนด์แก้วละ 50-150 บาทเลยนะ
ลองคิดดูสิว่าใน 1 เดือนคุณต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ไปเท่าไร ดังนั้นหันมาดื่มน้ำเปล่าแทนดีกว่า และหากจะให้ดีที่สุด ควรเป็นน้ำเปล่าจากขวดที่เราพกไปด้วย จะได้ช่วยเซฟค่าน้ำเปล่าขวดพลาสติกยังไงล่ะ
5. ขนมขบเคี้ยว
เข้าใจว่าคนเราก็มีอารมณ์อยากกินขนมขบเคี้ยวแบบเด็ก ๆ กันบ้าง แต่เชื่อไหมครับว่าขนมที่ขายห่อละ 5-10 บาท บางครั้งราคาที่ดูน้อยนิดก็ทำให้เราเผลอซื้อกินทุกวัน วันละหลายถุงเอาได้ ซึ่งหากมานั่งนึกดูดี ๆ ต๊าย ! นี่เรากินขนมพวกนี้ตกวันละไม่ต่ำกว่า 20 บาทเลยอะ หนำซ้ำก็สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าน้ำหนักตัวขึ้นมาหลายกิโลกรัมเพราะขนมหลอกเด็กเหล่านี้ล่ะ !
6. ค่าอาหารสนองความอยาก
ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าบางครั้งเราก็รู้สึกอิ่มแสนอิ่ม แต่พอเจอขนมหรืออาหารที่อยากกินก็อดไม่ได้ที่จะซื้อ แล้วพอกินได้ไม่กี่คำก็อิ่มเกินจะกินต่อได้ สุดท้ายจุดจบของอาหารตามใจปากที่รั้นซื้อมาก็ไปอยู่ในถังขยะเรียบร้อย เรียกได้ว่า ค่าอาหาร 30 บาท กินไปแค่ 10 บาทยังไม่ถึงซะด้วยซ้ำ นี่ล่ะที่เขาเรียกว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
7. ค่ากินข้าวนอกบ้าน
ในหนึ่งเดือนเราควรจำกัดครั้งในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร อย่างมากควรไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากเวลาที่เราไปกินอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะในร้านอาหารหรือภัตตาคารหรู เราไม่ได้เสียแค่ค่าอาหารที่เรากินจนอิ่มท้องเท่านั้นหรอกนะครับ แต่ยังมีค่าภาษีและค่าบริการ เช่น ค่าพนักงานเสิร์ฟ ทิปส์พนักงาน ค่าแอร์ ค่าที่จอดรถ รวมทั้งค่าเดินทาง เบ็ดเสร็จแล้วในหนึ่งมื้อที่ร้านอาหาร ก็ต้องควักเงินเกิน 1,000 ต่อครั้งแน่ ๆ
8. ดอกเบี้ยบัตรเครดิต
ใช้จ่ายเกินตัวจนเผลอรูดบัตรเครดิตในวงเงินที่เกินจะจ่ายไหว จนต้องยอมแบ่งจ่ายทีละครึ่ง ซึ่งก็ย่อมต้องเสียค่าดอกเบี้ยในส่วนที่ค้างจ่ายไปด้วย และหากเดือนต่อไปคุณไม่รัดเข็มขัด รูดบัตรเครดิตไปเพิ่ม นี่ก็จะเป็นการทบดอกเบี้ยและเงินต้นให้ทวีคูณขึ้นไปอีก
ดังนั้นพยายามใช้บัตรเครดิตเท่าที่จะสามารถจ่ายได้ไหว และพยายามชำระให้ตรงตามกำหนด เพื่อเลี่ยงดอกเบี้ยในกรณีชำระบัตรเครดิตเกินกำหนดด้วยนะคะ
9. ค่าอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตรายเดือนที่ความเร็วยิ่งสูง ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งถ้าว่าไปตามจริงแล้ว หากคุณเป็นแค่คนที่ท่องเว็บวาไรตี้ และดูยูทูบ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเว่อร์เกินไป อย่างความเร็ว 30 เมกะไบต์นี่บอกผ่านไปเลยดีกว่า ใช้แค่ความเร็ว 10 เมกะไบต์ก็เกินพอแล้ว แถมยังช่วยตัดรายจ่ายเกินความจำเป็นได้อีกเยอะ
10. แพ็กเกจมือถือ
บางคนต้องจ่ายค่ามือถือเดือนละเกือบ 1,000 บาท ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ 3G หรือ 4G จากแพ็กเกจนั้นเท่าไร เน้นใช้สัญญาณ Wifi จากที่บ้านและที่ทำงานซะมากกว่า แล้วอย่างนี้เราจะมามัวเสียค่าโทรศัพท์รายเดือนที่แพงเกินการใช้งานของเราทำไมล่ะ สู้ตัดรายจ่ายส่วนนี้เอาไปออมหรือใช้อย่างอื่นที่จำเป็นกว่าไม่ดีเหรอ
11. ค่าไฟฟ้าส่วนเกินจากปลั๊กที่เสียบทิ้งไว้
นอกจากตู้เย็นแล้ว ปลั๊กอย่างอื่นในบ้านก็ควรถอดออกทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน โดยเฉพาะปลั๊กตู้เย็น พัดลม ไมโครเวฟ หรือคอมพิวเตอร์ที่ชอบเสียบทิ้งไว้ตลอด เพราะแม้เราจะปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เมื่อไรที่ปลั๊กยังเสียบคาอยู่ กระแสไฟก็ยังคงวิ่งไปพร้อมกับตัวเลขบนหน้าปัดมิเตอร์เชียวล่ะ
12. ค่าสมาชิกฟิตเนส
ไหนใครสมัครสมาชิกฟิตเนสไปแล้วใช้ไม่เกิน 2 ครั้งบ้างยกมือขึ้น ! เชื่อว่าหลายคนสมัครสมาชิกฟิตเนสทิ้งไว้เฉย ๆ โดยไม่ได้ไปใช้บริการให้บ่อยเท่าที่ควร ทั้งที่ค่าสมาชิกสถานออกกำลังกายแบบนี้ราคาเหยียบพันเชียวนะครับ ดังนั้นหากอยากตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ลองไปยกเลิกสมาชิกฟิตเนสดูก็ได้ แล้วไปวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ หรือโรงยิมตามโรงเรียนที่มีไว้ให้เช่าสถานที่ราคาเบา ๆ ดีกว่า
13. แอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน
แอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจมีอยู่มากมายบนสมาร์ทโฟน และหลายคนก็ติดกับดักกดซื้อแอพฯ เหล่านั้นอย่างเพลิดเพลิน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนบิลค่าบัตรเครดิตส่งมาถึงบ้าน และขอเดาให้ช้ำใจเล่น ๆ ด้วยว่า แอพฯ ที่คุณซื้อมาส่วนใหญ่ก็เป็นแอพฯ ที่มีประดับเครื่องไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมันเท่าไรเลย ดังนั้นโหลดแอพฯ ฟรีไม่ดีกว่าเหรอครับ
14. ประกันรถยนต์
ประกันรถยนต์เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยสำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่ดูแลรักษารถได้ดีอยู่แล้ว และมีความระมัดระวังในการขับขี่ค่อนข้างสูง การซื้อประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งอาจไม่จำเป็นสำหรับคุณสักเท่าไร นอกเสียจากคุณจะเป็นมือใหม่หัดขับที่ถอยรถใหม่มาขับด้วย ดังนั้นลองเลือกเบี้ยประกันภัยที่เหมาะกับตัวเองดูนะ
15. สัตว์เลี้ยง
แม้การเลี้ยงสัตว์จะช่วยคลายเหงา และทำให้เรามีความสุขได้ แต่ค่าใช้จ่ายที่เราเสียไปกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย ทั้งค่าอาหาร ค่าขนม ค่าวัคซีน ค่ายารักษาโรค และค่าเสื้อผ้า รวมทั้งของเล่น ซึ่งหากยังไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์จริง ๆ อย่าเพิ่งเอาเขามาเป็นภาระของเราจะดีกว่า
ทั้งหมดนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ควรตัดทิ้งออกไปจากชีวิตซะ หรืออย่างน้อย ๆ ลดค่าใช้จ่ายให้เบาลงหน่อย จะได้มีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้นเนอะ
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้