จากที่ได้ยินเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง...ว่าที่ ล้ง 1919 นั้นมีความเก๋สุดๆ มีสไตล์อารยธรรมจีนที่ผสมผสานกับปัจจุบัน แต่ยังคงเอกลักษณ์ตามจีนต้นฉบับ มีทั้งติดแม่น้ำเจ้าพระยาบรรยากาศสุดชิค พร้อมมีมุมสำหรับถ่ายภาพได้เก๋ๆ หลายๆ มุม จึงทำให้ทีมงาน Review Promote ต้องมาเยือนเพื่อพิสูจน์กัน!!! (เอาจริงๆ ผ่านมาแถวนั้นพอดี เลยเก็บข้อมูลข้างต้นมาอ้างเหตุผลเลยมาที่นี่ 555 จะได้มาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกัน)

ตามสไตล์แอดมินผู้ไม่ค่อยอัพเดทอะไรมาก...ก็มาขอสัมผัสบรรยากาศพร้อมเขียนรีวิวแบบบ้านๆ ตามสไตล์คนเคยมาครั้งแรกกันเลย... ก่อนอื่นมาขอปักหมุดตามที่คาดหวังที่จะมาที่นี่ มีดังนี้

- กราบไหว้ขอพร ศาลเจ้าหม่าโจ้ว ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย (เป็นศาลแรกของเจ้าหม่าโจ้วในประเทศไทย)

- สัมผัสบรรยากาศอารยธรรมสไตล์จีน พร้อมดูสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของสถานที่

- มาสูดอากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา...ชิว...ชิว

สรุปกันตามนี้เบื้องต้น...พร้อมแล้วก็ก้าวเท้าเข้าไปดินแดน ล้ง 1919 กันเลย!!!

การเดินทางครั้งนี้ แอดมิน เดินทางด้วยรถยนต์ วิธีการเดินทางขับรถตาม Google ไปได้เลยง่ายและสะดวก!!! หากอยากรู้พิกัดพื้นฐาน คือ อยู่ฝั่งธน แถวๆ คลองสาน ถนนเจริญนคร อยู่ระหว่างซอยสมเด็จเจ้าพระยา 13 และ 15 (เอาง่ายๆ เด็กฝั่งธนจะรู้จักว่าใน ซอยวัดทองธรรมชาติวรวิหาร)

ที่นี่มีที่จอดรถบริการด้วยนะจ๊ะ...โดยที่จอดรถจะอยู่สุดซอยด้านขวามือ จอดฟรี 1 ชม. และชม.ต่อไป 50 บาท/ชม.

*ซื้อสินค้าหรือทานอาหารภายในล้ง1919 ครบ 500 บาท จอดฟรี 3 ชม.


เมื่อจอดรถเสร็จแล้ว สามารถเดินทะลุจากที่จอดรถไปยังส่วนของภายใน ล้ง 1919 โดยมีประตูทางเข้าพร้อมป้ายภาษาจีน LHONG -1919- ตามภาพเลยจ้า

ภาพของอิฐแดง และสภาพกำแพงที่พุกร่อนตามสภาพ สามารถบ่งบอกถึงอายุของที่แห่งนี้ว่ามีอายุในพื้นที่นี้นานขนาดไหน... และแอดมินก็เลี้ยวซ้ายไปตามประตูที่เปิดไว้เลย....

นี้คือภาพแรกที่ได้เห็นบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้... มีการประดับสไตล์แบบจีนที่เป็นอารธรรมที่เก่าแก่ อีกทั้งความมีมนต์ขลังของอาคาร แอดมินบอกได้คำเดียวว่า คลาสสิค....และร่มรื่นย์...

งั้นขอเล่าประวัติของสถานที่แห่งนี้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความคลาสิคของสถานที่ว่ามีที่มาอย่างไร....

“ล้ง” มาจากชื่อเดิมของสถานที่แห่งนี้ ที่มีชื่อว่า “ฮวย จุ่ง ล้ง” เป็นภาษาจีน หมายถึง “ท่าเรือกลไฟ” ซึ่งทุกวันนี้รู้จักในนามโกดังบ้าน “หวั่งหลี” ตั้งอยู่ ณ สุดถนนเชียงใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับย่านตลาดน้อย-เยาวราช 

แต่พอเอาต้นฉบับเหตุเรื่องเล่าสถานที่แห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2393 โดย พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น พิศาลบุตร) ต้นตระกูลพิศาลบุตร ซึ่งเป็นคนจีนที่เกิดบนแผ่นดินสยาม โดยท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” นี้มี พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมพื้นที่อาคาร 6,800 ตารางเมตร  โดยชาวจีนในอดีตนิยมใช้เดินทางทางทะเลเพื่อเข้ามาค้าขายหรือย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่ประเทศไทย และได้มาเทียบท่าเรือขึ้นฝั่งที่ท่าแห่งนี้

นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งการค้าธุรกิจ โดยตัวอาคารท่าเรือเป็นร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ เรียกได้ว่า รุ่งเรืองมากในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อถึงการเปลี่ยนแปลงการขนส่งทางเรือไม่เป็นที่นิยม จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนมือของที่แห่งนี้ 

ในปี พ.ศ. 2462 ตระกูล “หวั่งหลี” โดย นายตัน ลิบ บ๊วย จึงเข้ารับช่วงเป็นเจ้าของต่อจากตระกูลพิศาลบุตร และได้ปรับท่าเรือดังกล่าวให้กลายเป็นอาคารสำนักงาน และโกดังเก็บสินค้าสำหรับกิจการการค้าด้านการเกษตรของตระกูลหวั่งหลี ที่ขนส่งมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่อยู่อาศัยให้เช่าราคากันเองสำหรับพนักงานของตระกูลหวั่งหลี

และสิ่งหนึ่งที่สะดุดตามากๆ คือ ธูปใหญ่ (มากๆๆ) วางไว้ตรงกลาง....ลาน...

แน่นอนที่พลาดไม่ได้สำหรับการมาเยือน ล้ง 1919 คือ การขอพรเจ้าหม่าโจ้ว ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งมีความเป็นมาดังนี้

"ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว" ซึ่งประดิษฐานอยู่คู่กับฮวย จุง ล้ง มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง-ปัจจุบัน องค์เจ้าหม่าโจ้วทำขึ้นจากไม้ มีทั้งหมด  3 ปาง ได้แก่ ปางเด็กสาว ปางผู้ใหญ่ และปางผู้สูงอายุ ทั้ง 3 ปางนี้ชาวจีนได้นำขึ้นเรือมาจากจีน เมื่อถึงประเทศไทยก็ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ชาวจีนที่เดินทางมาค้าขายในไทยก็มักที่จะมาสักการะขอพร ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนจีนในแผ่นดินไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็มีอายุราว ๆ 167 ปี แล้ว 

โดยลานกลางแจ้งมีไว้สำหรับการจุดธูป-เทียน กราบไหว้ แต่ที่ประทับขององค์เจ้าหม่าโจ้ว นั้นอยู่บนชั้น 2 ซึ่งเดี๋ยวจะมีภาพให้ดูต่อไปจ้า.. 

ภาพบรรยากาศห้องของเจ้าหม่าโจ้ว ที่บริเวณชั้น 1 จะมีรูปภาพขององค์ท่านพร้อมเซียมซี สำหรับผู้สักการะมากราบไหว้...

ต่อมาเมื่อกราบไห้วขอพรเสร็จแล้ว...ทีมงานขอขึ้นไปเยี่ยมเยือนชั้น 2 บ้าง.... ซึ่งจะประกอบไปด้วย

- องค์หม่าโจ้ว

- ภาพจิตรกรรมจีนบนฝาผนัง

ซึ่งทางเดินเป็นบันไดไม้ล้วนๆ ดูคลาสิคมากๆ...เหมือนไปอยู่เมืองจีนสมัยก่อนเลยจ้า.... ว่าแล้วขึ้นไปดูกัน

เมื่อได้เยือนขึ้นไปชั้น 2 ของอาคาร ยิ่งทำให้ว้าว... กับอารยธรรมจีน การก่อสร้าง สังเกตเห็นคานไม้ และลวดลายของประตู รวมถึงที่นั่งไม้...

เมื่อเดินไปตามทางของอาคาร ในแต่ละห้องจะถูกจัดเป็นห้องจำลองของห้องประเภทต่างๆ เช่น ห้องหนังสือ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ฯลฯ ซึ่งจุดสำคัญคือ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างทำจากไม้ และเป็นสไตล์จีนทั้งหมด !!! 

และแล้วก็มาถึงห้องสำคัญ ห้องที่ประดิษฐานองค์หม่าโจ้ว ตั้งแต่ยุคสมัย รัชกาลที่ 4 ที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย...

ลักษณะห้องเป็นสีแดง มีโคมไฟจีนเรียงรายอยู่ด้านหน้า (อยู่ตรงกลางของตึกพอดี) ในส่วนนี้จะมีที่นั่งเป็นเบาะอยู่ด้านนอกให้กราบไหว้เท่านั้น ไม่อนุญาติให้เข้าไปในห้อง...

“ฮวย จุ่ง ล้ง” ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ตัวอาคารก่ออิฐถือปูน พื้นสร้างจากไม้ หลังคาสร้างจากกระเบื้อง เป็นหมู่อาคารแบบ “ซาน เหอ หยวน” (三 合 院) ซึ่งเป็นการออกแบบวางผังอาคารในแบบจีนโบราณ ลักษณะอาคาร 3 หลังเชื่อมต่อกัน 3 ด้าน เป็นผังรูปทรงตัว U มีพื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างอาคารทั้งสามหลังเป็นลานอเนกประสงค์

หากสังเกตดีๆ ในทุกๆ กรอบหน้าต่างจะมีภาพวาดอยู่ซึ่งเป็นภาพจากต้นฉบับเลยนะจ๊ะ... เพียงแต่ถูกบูรณะด้วยวิธีตามแบบสมัยก่อน โดยไม่มีเติมแต่งของใหม่ลงไป เรียกว่า แต่ก่อนทำอย่างไร ทำอย่างนั้น เพียงแต่วาดทับให้เห็นภาพได้ชัดเจน... 

ซึ่งตามความเชื่อของคนจีนในสมัยก่อน ภาพวาดตรงบริเวณกรอบหน้าต่างจะเป็นลักษณะของการใช้ชีวิตของผู้คน และเป็นภาพผลไม้ วิว ต้นไม้มงคล ซึ่งมีความหมายดีๆ และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย

เรียกได้ว่าหาชมได้ยากมาก !!!

ภาพนกนี้มีความหมาย.... สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เสด็จทอดพระเนตรงานบูรณะจิตรกรรมรูปเขียนจีนบนฝาผนัง ณ ฮวยจุงล้ง ทรงพระกรุณาลงฝีพระหัตถ์แต่งแต้มงานบูรณะและพระกรุณาโปรดเกล้าลงพระนามาภิไธยด้วยหมึกจีนบนผนัง เป็นศิริมงคลต่อตระกูลหวั่งหลี

ต่อมา แอดมินต้องขอไปเยือนริมแม่น้ำเจ้าพระยากันหน่อย.... ในระหว่างทางก็เข้าห้องน้ำกันซะหน่อย จึงเดินไปห้องน้ำสังเกตที่ภาพจิตกรรมฝาผนังหญิงสาวชาวจีนนี้เลย.. ห้องน้ำอยู่ในนี้จ้า (มีตู้ ATM บริการด้วย)

แต่ที่เซอร์ไพรส์ส่วนตัว คือ ห้องน้ำที่นี่สวยมากๆ ... มีการตกแต่งไปทุกอนุจริงกับสถานที่แห่งนี้

เมื่อมาถึง บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในระหว่างทางเดินมายังริมน้ำนั้นมีร้านอาหารเก๋ๆ น่าสนใจอยู่... แต่แอดมินไม่ได้แวะนะจ๊ะ!!! เก็บภาพมาให้ชมอย่างเดียว ซึ่งเวลาที่อยู่พระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกพอดี...เก็บภาพรัวๆ เลยจ้า

แอดมินเสพสายลมริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชุ่มปอดแล้ว... ก็ขอเดินกลับไปยังที่เดิมเพื่อเก็บภาพส่วนอื่นๆ ต่อไป ทำให้ต้องลองแวะที่ LHONG SHOP กันหน่อย

ซึ่งในนี้เป็นร้านค้าจำหน่าย ธูปเทียน เครื่องไหว้ พร้อมทั้งสินค้าที่ระลึกของ ล้ง 1919 มากมาย... แต่ที่ส่วนตัวแอดมินชอบมากๆ เพราะสินค้าสวยๆ เต็มเลย

พอออกมาด้านหน้าร้าน มีรูปปั้นและหมวกแบบจีนมาให้ถ่ายภาพได้ด้วย... เก๋ๆ ฟรี

แอบชอบ ถังขยะ ของที่นี่....

เมื่อเวลาใกล้ค่ำ สถานที่มีการเปิดไฟตกแต่ง ไฟโคมต่างๆ เลยทำให้กลับไม่ได้เลยจ้า.... เก็บภาพอีกรัวๆ มุมเก๋ๆ เยอะ พาเพื่อนมาถ่ายรูปไปเลย... ตอนเปิดไฟถ่ายรูปก็สวย

มีสิ่งหนึ่งที่แอดมินสังเกต...ตลอดเวลาจะ มีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพรเจ้าหม่าโจ้ว ตลอดเวลา... 

ภาพบรรยากาศในช่วงหัวค่ำนี้...พร้อมกับแสงไฟ ทำให้ดินแดนแห่งนี้มีมนต์ขลังจริง...จริง...

สรุปแบบกระชับ สำหรับ ล้ง 1919 (LHONG 1919)

- สถานที่และประวัติความเป็นมา มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาก มีการอนุรักษ์และผู้ทำตั้งใจเป็นสมบัติของชาติ ถือว่าน่าสรรเสริญ

- จุดถ่ายรูปเก๋ๆ มีเยอะจริงๆ นี้เป็นเพียงบางส่วน แต่ที่แอดมินไม่ได้ไปคือ จุดที่มีการเพนท์ภาพบนกำแพงส่วนต่างๆ 

- หากเดินทางไปทางเรือ หรือรถสาธารณะก็จะสบายกว่า เพราะไม่ได้ไม่กังวลกับที่จอดรถ และน่าจะรถติดในช่วงเวลาหนาแน่น เพราะเป็นซอย เคลื่อนตัวลำบาก แถมค่าจอดรถก็สูง (หากไม่กินอาหาร หรือใช้บริการด้านใน) 

- แอดมินไปครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

- อาหารไม่ได้ลองเลย คอมเมนต์ไม่ได้ T-T

- สถานที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากๆ (ส่วนตัว) แถมมีการจัดแสง และพร๊อพเต็ม... จูงมือกันไปถ่ายรูปกันเลย

- แนะนำรอตอนแสงเย็น ที่มีการเปิดไฟ จะมีความคลาสิคอีกแบบ ดูจากรูปเอานะจ๊ะ...

- น้ำเปล่า 20 บาท