หากเอ่ยชื่อ “ราชาผลไม้ไทย” คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ทุเรียน”(Durian) ผลไม้ที่มีเปลือกเป็นหนาม เนื้อสีเหลืองทองกับรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับผลไม้ใดๆ ในโลก อีกทั้งกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ บางคนก็ว่าเหม็น บางคนก็ว่าหอม อีกทั้งในช่วงฤดูกาลของทุเรียน ราชาผลไม้เนื้อแน่นรสหวานมันก็จะมีราคาสูงขึ้นไปตามพันธุ์ และขนาดของมัน เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ทุเรียน” หากกินในปริมาณที่มากเกินไปก็จะให้โทษแก่ร่างกายได้ เพราะเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และทำให้ตัวร้อน แต่จริงๆ แล้วทุเรียนมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นๆ อย่างที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
1. ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานแก่ร่างกายสูง
2. เนื้อทุเรียนช่วยฆ่าเชื้อโรคในร่างกายได้ เพราะกำมะถันในเนื้อทุเรียนจะทำหน้าที่เสมือนยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ
3. ประโยชน์ของทุเรียนช่วยเผาผลาญ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่กินแล้วทำให้ร่างกายเกิดความร้อน จึงเป็นผลไม้ที่ช่วยเผาผลาญได้
4. ทุเรียนมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ เนื้อทุเรียนมีกากใยอาหารสูงมากๆ ดีต่อระบบขับถ่าย กินแล้วช่วยระบายท้องได้ดี
5. ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง หากกินแต่พอดีก็จะได้รับไขมันดีที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย
6. ทุเรียนมีฟอสฟอรัส ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
7. ทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทอง มีใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆ
8. ทุเรียนพันธุ์หมอนทองช่วยลดไขมันเลวในร่างกายได้
9. เนื้อทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง
10. เนื้อทุเรียนดิบมีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
11. ทุเรียนมีประโยชน์ ลดผมขาว ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีวิตามินบี 9 สูง ช่วยชะลอการเกิดผมหงอก ผมขาวได้
12. ทุเรียนมีสรรพคุณแก้ท้องเสีย รากทุเรียนเป็นยาตำรับโบราณ ใช้แก้ท้องร่วง ท้องเสียได้
13. ใบทุเรียนเป็นสมุนไพรใช้ขับพยาธิ
14. เปลือกทุเรียนช่วยเยียวยาแผลเปื่อย แผลพุพองได้
15. ประโยชน์ของทุเรียนบำรุงผิว เนื้อและเปลือกของทุเรียนสามารถแก้โรคผิวหนัง และทำให้สีผิวเสมอกัน
นอกจากสรรพคุณและประโยชน์ของทุเรียนทั้ง 15 ข้อนี้แล้วทุเรียนยังได้ชื่อว่าเป็นผลไม้แห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นผลไม้ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ อยากจะได้ลิ้มลองมากที่สุด ด้วยรสชาติที่มีความเฉพาะตัว มีความหวานมันทำให้ทุเรียนสามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น ทุเรียนทอดกรอบ ทุเรียนแช่อิ่ม ทุเรียนกวน ทุเรียนดอง ทอฟฟี่ทุเรียน ไอศกรีมรสทุเรียน ไส้ขนมปังและขนมไหว้พระจันทร์ ส้มตำทุเรียน ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ เป็นต้น
นอกจากเนื้อทุเรียนจะสามารถนำไปแปรรูปได้แล้ว “เปลือกทุเรียน” ก็ยังมีประโยชน์ด้วยเหมือนกัน อย่าเพิ่งทิ้งเปลือกที่เต็มไปด้วยหนามแหลมเป็นอันขาด เพราะเปลือกทุเรียนเป็นยารักษาโรคตานซาง และโรคที่เกี่ยวกับน้ำเหลืองได้ อีกทั้งเปลือกของทุเรียนยังสามารถนำไปรีไซเคิลเป็นกระดาษชนิดต่างๆ ได้อีกด้วย
เห็นประโยชน์ของทุเรียนไปแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะกินทุเรียนได้ไม่อั้นนะ เพราะทางการแพทย์เคยได้ออกมาเตือนแล้วว่ากินทุกเรียนมากๆ ไม่ได้เป็นผลดีต่อร่างกาย ใครที่ขี้ร้อนง่ายๆ หรือมีธาตุร้อน กินทุเรียนมากๆ อาจถึงตายได้ โดยเฉพาะการกินทุเรียนพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะยิ่งทำให้ร่างกายมีความร้อนสูง ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล
1. ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรกินทุเรียน เพราะทุเรียนมีแป้งและน้ำตาลสูง
2. ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หากกินทุเรียนในปริมาณมากจะทำให้จุก แน่น หายใจติดขัด
3. ผู้ป่วยโรคความดันสูง ไม่ควรกินทุเรียนมากเนื่องจากจะทำให้แน่นท้อง หายใจไม่ออกเช่นเดียวกับโรคหอบหืด
4. ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ไม่ควรกินทุเรียนมากเนื่องจากจะทำให้เกิดอาการแน่นท้อง
5. ผู้ป่วยโรคหัวใจ ไม่ควรกินทุเรียนเนื่องจากในทุเรียนมีกำมะถันสูง
6. ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรกินทุเรียนที่สุกงอม หรือหวานจัดมากเกินไปเนื่องจากส่งผลต่อความดันเลือด
7. ผู้ป่วยโรคไต ไม่ควรกินทุเรียนเนื่องจากในทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง
ได้รู้ทั้งประโยชน์ และโทษของทุเรียนไปแล้ว ก็หวังว่าผู้ที่โปรดปรานความหอมมันของทุเรียนจะพึงกินอย่างระวัง และกินอย่างพอดี เพื่อไม่ให้ทุเรียนของโปรดมาส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เพราะกินพอดีๆ ก็จะได้ประโยชน์ไป แต่ถ้ากินแบบไม่รู้จักพอก็จะได้รับโทษจากทุเรียน ส่วนผู้ที่เป็นโรคตามที่กล่าวไปข้างต้นก็ควรเลี่ยงผลไม้อย่างทุเรียน หรือกินทุเรียนให้น้อยลง ด้วยความหวังดีนะจ๊ะ
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้