ของอร้อย อร่อยอย่างของทอดๆ โดยเฉพาะพวกเมนู Deep fried ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ ปาท่องโก๋ กล้วยแขก ไข่เจียว ฯลฯ เป็นของแสลงต่อสุขภาพ ยิ่งใครกำลังไดเอทก็ยิ่งต้องระวัง เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่อมน้ำมัน และเจ้าปริมาณน้ำมันที่มากเกินไปนี่เองที่เป็นตัวก่อโรคร้ายต่างๆ มากมาย ทั้งโรคอ้วน โรคความดัน โรคหัวใจ
Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) แนะนำให้คนที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ควรบริโภคไขมัน คิดเป็น 30% ของพลังงานรวมที่ร่างกายต้องการ (ราวๆ 600 กิโลแคลอรี่ หากคำนวณจากค่าเฉลี่ยที่ 2000 กิโลแคลอรี่ ) ไขมัน 1 กรัม จะให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่
ดังนั้น ปริมาณที่ควรบริโภคไขมันจะเท่ากับ 66.6 กรัมต่อวัน (น้ำหนักสารอาหาร) [http://food.fda.moph.go.th/Rules/dataRules/4-4-2ThaiRDI.pdf] เมื่อเทียบกับ พลังงานของเมนูอาหารว่างในกลุ่มของทอดยอดฮิต เช่น มันฝรั่งทอด ไก่-เนื้อปลาชุบแป้งทอด ไข่ดาว ไข่เจียว ฮ่อยจ๊อทอด เปาะเปี๊ยะทอด ทอดมันกุ้ง จะให้พลังงานอยู่ประมาณ 400-600 kcal ต่อ 100 กรัม
หากลองมานั่งคำนวณเล่นๆ ถ้าเรารับประทานของทอดเพียงวันละครั้ง ครั้งละ 200 กรัม ( ซึ่งน่าจะมากกว่านั้น ) วันนึงเราจะได้รับพลังงานจากเมนูทอด ไปถึง 800 kcal เมื่อทานติดต่อกันเป็นกิจวัตร 1 เดือน จะได้รับพลังงานไปถึง 24,000 kcal ต่อเดือนเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับรวมพลังงานจากอาหารในหมวดอื่นๆ
ถ้าเป็นไปตามการคำนวณนี้ ปีนึง เราจะได้รับพลังงานจากของทอดสุดโปรดไปแบบเน้นๆ ที่ 288,000 kcal ถ้าเทียบกับปริมาณที่แนะนำคือ 400 kcal x 30 วัน x 12 เดือน = 144,000 kcal ต่อปีเท่านั้น เมื่อมองดูปริมาณตัวเลขเปรียบเทียบดูแล้วช่างน่าตกใจไม่น้อยเลยใช่ไหม
แต่ทว่าความน่ากลัวของพลังงานที่ได้รับ ยังไม่น่ากลัวเท่ากับภัยเงียบที่แฝงมากับของทอด ที่ใช้น้ำมันเก่ากลับมาทอดซ้ำ จากการสำรวจของ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทำไว้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 พบว่า
ผู้บริโภคร้อยละ 27.05 ซื้ออาหารทอดจากร้านนอกบ้าน 7-9 ครั้งต่อเดือน และ 15.17% ที่ซื้ออาหารทอดจากร้านนอกบ้าน ติดไม้ติดมือกลับไปทาน เกือบทุกวัน โดย 3 อันดับเมนูทอดยอดนิยม ได้แก่ ไก่ทอด, กุ้ง, ปลาหมึกทอด และหมูทอด ไม่เพียงแต่การซื้ออาหารทอดจากร้านนอกบ้านเท่านั้น จากผลการสำรวจยังพบอีกว่า แม่บ้านที่ทำอาหารเอง ร้อยละ 29.2 ใช้น้ำมันทอดซ้ำ ในการทอดปลา ไข่เจียว และไข่ดาว
การใช้น้ำมันทอดซ้ำถือเป็นภัยเงียบที่อยู่ใกล้ตัวเรา เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งโดยปรกติแล้ว การใช้น้ำมันทอดอาหารเพียง 1-2 ครั้ง ก็ทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพลงแล้ว เนื่องจากในระหว่างการทอดอาหาร ความร้อนที่สูงมากๆ จะทำให้น้ำมันแตกตัว และแปลสภาพ ทำให้เกิดสารที่ชื่อว่า “โพลาร์”, “อะคริลลาไมด์” และ “ไขมันทรานส์” ขึ้น ยิ่งทอดซ้ำมากครั้งเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้น้ำมันนั้นมีสารทั้ง 3 ตัวนี้มากขึ้นเท่านั้น
หากมีการสะสมสารดังกล่าวในร่างกายในปริมาณมาก และเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิต เนื้องอกตามอวัยวะต่าง เช่น ตับ ปอด เสี่ยงกับการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดมาตรฐานให้ร้านค้าที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ หมั่นตรวจเช็คน้ำมัน ให้มีสารโพลาร์ ได้ไม่เกินร้อยละ 25 ต่อน้ำหนักน้ำมันที่ใช้เท่านั้น (หรือประมาณ 25 กรัม ต่อน้ำมัน 100 กรัม) เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
สำหรับคนที่ชอบทานของทอดจากร้านนอกบ้าน ก่อนสั่งเมนูโปรดควรสังเกตน้ำมันในกระทะทอดซักนิด หลีกเลี่ยงการซื้ออาหารจากร้านที่ใช้น้ำมันที่มีกลิ่นหืน มีสีดำ หรือสีคล้ำ น้ำมันที่มีลักษณะข้นเหนียว หรือเกิดฟองเวลาทอดมากๆ เกิดควันเวลาทอด หรือมีคราบไหม้ หรือ เศษอาหารไหม้ปะปนอยู่ในน้ำมันทอด และก่อนรับประทานของทอดทุกครั้ง ควรใช้กระดาษสำหรับซับมันอาหาร ซับน้ำมันบนอาหารเสียก่อน เพื่อลดปริมาณน้ำมันทอดที่ติดมากับชิ้นอาหาร
ใช่ว่าของทอด จะเป็นของแสลงของคนไดเอท เป็นของต้องห้ามที่ทานไม่ได้ซะทีเดียว ความจริงถ้าบริหารจัดการเรื่องพลังงาน และดูแลโภชนาการของอาหารในแต่ละวันดีๆ ก็สามารถทานของทอดได้เป็นครั้งคราว หรือ จัดให้เมนูของทอดจานเลิฟ ไว้เป็นอาหารที่ทานนานๆ ครั้ง และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ยังทานของทอดได้อย่างสบายใจขึ้น แต่สำหรับคนที่รักการทานของทอดเป็นชีวิตจิตใจ แต่กังวลเรื่องน้ำหนักตัว และเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ แถมไม่อยากกินแล้วกลับมาออกกกำลังชดเขยเยอะๆ ลองใช้เทคนิคในการเลือกทานของทอดนี้ดู
ถ้าหากเป็นคนที่กังวลกับปัญหาต่างๆ ที่มากับอาหารทอด ภัยเงียบจากน้ำมันทอดซ้ำ ที่เราไม่สามารถกำหนดหรือ รู้ได้ว่า ร้านไหนใช้น้ำมันเก่า-ใหม่แค่ไหน เป็นห่วง และใส่ใจเรื่องสุขภาพ ของตัวเอง และคนในครอบครัว กลัวเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกิน ก็ลองหาอุปกรณ์เครื่องครัว อย่างหม้อทอดอากาศแบบไร้น้ำมันมาลองใช้ดู ซึ่งตอนนี้ก็มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น
Philips Airfryer หม้อทอดอากาศจากฟิลิปส์ เป็นอีกผลิตภัณฑ์นึงที่น่าจะมีติดครัวไว้ เพราะนำมาทำอาหารได้หลากหลาย ทั้ง อบ ทอดโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ย่าง และรมความร้อนให้อาหาร เนื่องจาการทำงานของ หม้อทอดอากาศจากฟิลิปส์จะช่วยลดไขมันได้สูงสุดถึง 80%* ( *เปรียบเทียบกับอาหารที่ทอดในเครื่องทอดอาหารรุ่นทั่วไปของ Philips ทดสอบโดยหน่วบงานวิจัยในเยอรมัน) แต่ยังคงรสชาติอาหารที่อร่อย กรอบเหมือนกับการทอดอาหารโดยการใช้น้ำมัน
หม้อทอดอากาศของ ฟิลลิปส์ Philips Airfryer ใช้เทคโนโลยี Rapid Air โดยใช้การหมุนเวียนอากาศร้อน ร่วมกับการรักษาสมดุลของอุณหภูมิภายใน ช่วยให้สามารถปรุงอาหารได้ด้วยอากาศ โดยไม่ต้องเติมน้ำมัน ตอบสนองได้ทุกเมนูเมนูโปรด Philips Airfryer ยังมีความปลอดภัยสูง แถมยังช่วยลดปัญหากลิ่นน้ำมันหืนๆ ที่คลุ้มเต็มบ้าน คราบ และกลิ่นจากไอน้ำมันที่ติดตามเสื้อผ้า และเครื่องเรือน อีกด้วย
นอกจากนี้ หม้อทอดอากาศของฟิลลิปส์ ง่ายต่อการทำความสะอาด ชิ้นส่วนประกอบของ Philips Airfryer สามารถล้างในเครื่องล้างจานได้ ช่วยให้การทำความสะอาดสะดวกง่ายดายอีกด้วย ใครอยากได้รายละเอียดผลิตภัณฑ์ของ หม้อทอดอากาศจากฟิลิปส์ Philips Airfryer หรือ อยากจะค้นหาสูตรอาหารทอดแบบไร้น้ำมัน ก็ไปอ่านต่อได้ที่ http://www.philips.co.th/c-m-ho/cooking/airfryer-top.html
มาย้ำอีกครั้ง การรับประทานของทอด ไม่ว่าจะอยู่ในเพศหรือวัยใด ก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ทานบ่อยจนเกินไป เลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบหมวดหมู่อาหาร หากรักจะทานของทอด ก็ควรเลือกร้านค้าที่มั่นใจได้ว่า อาหารทอดนั้นผ่านการทอดด้วยน้ำมันที่สดใหม่ ไม่ใช้น้ำมันเก่ามาทอดซ้ำ
หากทำอาหารทานเองก็ควรเลือกใช้ชนิดของน้ำมันให้เหมาะสมกับการทอด และหมั่นเปลี่ยนน้ำมันในการทอดบ่อยๆ หรือเลือกใช้วิธีการทอดที่ใช้น้ำมันน้อยๆ หรือไม่ใช้น้ำมันเลยก็ได้ และต้องไม่ลืมสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ควรจะหาเวลาไปออกกำลังกายให้ได้อย่างสม่ำเสมอด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้