อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จประศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า สวนสมเด็จย่า ตั้งอยู่ในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 เขตคลองสาน ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวชุมชนย่านนั้น ทุกคนสามารถมาใช้พื้นที่แห่งนี้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ชมต้นไม้ใบหญ้า เรียนรู้ อ่านหนังสือ และออกกำลังกาย
นอกจากต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นภายในสวนสมเด็จย่าแล้ว ยังมีส่วนของอาคารจำลอง อาคารพิพิธภัณฑ์ และห้องสมุด ที่พร้อมให้ทุกคนมาเรียนรู้ภายในสวนแห่งนี้อีกด้วย ตามไปดูกันค่ะว่าสวนสมเด็จย่าแห่งนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ทางเข้าจะมีป้ายบอกทางไปสวนสมเด็จย่า จากรูปให้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไป สวนสมเด็จย่าจะอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถหลังสวนสมเด็จย่าได้ (ภาพถ่ายจากซ.ดิลกจันทร์)
สวนสมเด็จย่า เป็นนามสามัญที่ชาวบ้านเรียกอุทยานและพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดสร้างขึ้นสนองกระแสพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ. 2536 เพื่ออนุรักษ์อาคารเก่าในย่านนิวาสสถานเดิมเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ และพัฒนาพื้นที่ซึ่งนายแดง นานา และนายเล็ก นานา ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ได้พร้อมใจน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายจำนวน 4 ไร่ ในบริเวณชุมชนหลังวัดอนงคาราม ให้เป็นสวนสาธารณะระดับชุมชน
ช่วงเย็นๆ จะเห็นชาวบ้านจูงลูกจูงหลานมานั่งเล่นที่สวนแห่งนี้ ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ ทำให้สวนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งร่วมคนในชุมนุม ทั้งยังใช้ประกอบพิธี หรือจัดกิจกรรมรื่นเริงตามเทศกาลต่างๆ
ภายในอุทยานจัดแบ่งพื้นที่เป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ เช่น ต้นไทรอายุนับร้อยปี และพื้นที่ตั้งอาคารต่าง ๆ ได้แก่ อาคารจำลองพระตำหนักที่ สมเด็จย่า ทรงเคยให้เป็นที่ประทับเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และอาคารโบราณดั้งเดิม 2 หลัง คืออาคารที่เป็นจวนของ สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย (หัต บุนนาค) และบ้านของ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค) ลักษณะเป็นอาคารตึกแถวสถาปัตยกรรมแบบจีน สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้รับการบูรณะและจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับแสดงภาพพระราชประวัติ ภาพพระราชจริยวัตรงานฝีพระหัตถ์ ตลอดจนสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของ สมเด็จย่า
ภายในสวนส่วนหน้าของอุทยาน ประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีฯ ขนาดเท่าพระองค์จริง เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ลักษณะประทับนั่งในพระอิริยาบถสบายๆ
ดินใต้ฐานพระราชานุสาวรีย์ก็นำมาจากสถานที่ต่างๆ ที่พระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชกรณียกิจ
พื้นที่ภายในมีการปูอิฐทำพื้นเป็นอย่างดี เพื่อให้สะดวกต่อการวิ่งออกกำลังกาย
ภายในสวนส่วนใน มีบ้านจำลองซึ่งได้จำลอง "บ้านเดิม" ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครั้งเคยประทับที่ชุมชนแห่งนี้ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ โดยตกแต่งภายในตามหนังสือ "แม่เล่าให้ฟัง" พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ศาลา 8 เหลี่ยม ที่อยู่ภายในสวน สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสครบ 8 รอบ วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสร็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีอย่างเป็นทางการ และประทับนั่งด้านในศาลาแปดเหลี่ยมแห่งนี้ด้วย
ตรงข้ามศาลา 8 เหลี่ยม มีแผ่นหินทรายแกะสลักเป็นภาพนู่นต่ำ แสดงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ภาพสลักแผ่นหินทรายทางด้านใต้แสดงพระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในท้องถิ่นทุรกันดาร การดำเนินงานของแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนี (พอ.สว.) การจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
กลางภาพเป็นต้นไม้ใหญ่ อักษรพระปรมาภิไธย สว. ในกรอบน้ำหยด เปรียบดั่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนีเป็นเสมือนร่มโพธิ์ ร่มไทร ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกเกล้าชาวไทยให้อยู่เป็นสุขมายาวนาน
อีกด้านแกะสลักกระบวนแห่ไหว้สาแม่ฟ้าหลวงของชาวล้านนา เพื่อสะท้อนถึงความเทิดทูนจงรักภักดีของปวงชนที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ที่เห็นเป็นอิฐแดงนี้ คือส่วนของอาคารทิมบริวาร สถาปัตยกรรมแบบจีนซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของข้าทาสบริวารเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค)
ในสวนมีต้นปีบด้วยนะคะ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ และดอกก็ร่วงกระจายบนพื้น ให้ความรู้สึกละมุนละไมอย่างยิ่ง
ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่น้อยภายในสวนช่วยให้เราผ่อนคลาย สดชื่นยิ่งนัก
จะเห็นซากปรักหักพังของกำแพง เชื่อว่าที่นี่คงอนุรักษ์ไว้อย่างดี
เดินผ่านกำแพงไปจะเป็นส่วนด้านหลังอาคารศูนย์ศิลป์ศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) มีห้อง “มุมหนังสือ เรือนสรรปัญญา” สำหรับให้บริการผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมอุทยานฯ ภายในมีหนังสือหลากหลายประเภทไว้ให้บริการ นอกจากนี้ ชั้น 2 ของอาคารศูนย์ศิลป์ศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) ยังใช้จัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียนให้ความรู้ทางศิลปะอย่างต่อเนื่อง อาคารนี้เป็นอาคารโบราณที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่จากอาคารซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ด้านหลังอาคารศูนย์ศิลป์ศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) มีต้นไม้อยู่มากมาย ทั้งพันธุ์ไม้หายาก พืชสมุนไพร พืชสวน ปลูกไว้ตลอดทางเดิน ต้นไหนที่มีความพิเศษก็จะมีป้ายบรรยายสรรพคุณติดไว้ ถือเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์ไม้ที่ดีเยี่ยมแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ในส่วนของพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทั้งสองหลังที่อยู่ด้านหน้าของอุทยานได้อนุรักษ์และปรับปรุงจากตึกแถวซึ่งเป็นทิมบริวารที่ล้อมรอบบ้านของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ฯ (แพ บุนนาค) ลักษณะอาคารก่อสร้างแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและสถาปัตยกรรมจีน
อาคารพิพิธภัณฑ์หลังที่ 1 จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประมวลเหตุการณ์ ในการพระราชพิธีพระบรมศพ พระตำหนัก วัง ตลอดจนที่ประทับครั้งทรงพระเยาว์ และประวัติชุมชนย่านวัดอนงคารามชุมชนประวัติศาสตร์ที่ผู้คนหลายเชื้อชาติ ศาสนาทั้งไทย จีน อิสลาม และลาวอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยมีคำอธิบายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ทรงฉายในวันคล้ายวันประสูติครบ 3 ปี ของพระโอรสพระองค์แรกวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2471 ที่ร้านเดอยอง เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์
อาคารพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตรและงานฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ทรงพระราชทานสิ่งของ ความช่วยเหลือ บำรุงขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เสมอมา
พระราชทานของเล่นให้แก่เด็กที่มารอรับเสด็จ
ยาพระราชทานของหน่วยแพทย์อาสา สมเด็จพระบรมราชชนนี
พระองค์ทรงโปรดดอกไม้ภูเขา โดยเฉพาะที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาก ทรงเก็บมาทับให้แห้ง แล้วนำมาประดับเป็นที่คั่นหนังสือ บัตรอวยพรต่างๆ
งานเครื่องเคลือบดินเผา “กลุ่มนักดนตรี” ที่ทรงปั้นด้วยพระองค์เอง ทรงปั้นจากที่ได้ทอดพระเนตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดนตรี
งานเครื่องกระเบื้อง ที่พระองค์ทรงเขียนภาพลงบนเครื่องกระเบื้องประเภทต่างๆ เช่น จาน แจกัน ชุดถ้วยชา ถ้วยกาแฟ ในงานของพระองค์จะเห็นลายเซ็นชื่อย่อ สว
ทรงปั้นพระพุทธรูปปางสมาธิเคลือบสีเขียว เพื่อบูชาและถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธรูปทุกพระองค์จะมีหมายเลขกำกับ
หนังสือสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ไม้แบดมินตันส่วนพระองค์ และกีฬาที่ทรงโปรดในด้านอื่นๆ อาทิ สกี เทนนิส
นอกจากนี้ยังมี สวนริมน้ำ อยู่ติดกับลานจอดรถด้านหลัง เป็นสวนที่อยู่นอกเขตรั้วของอุทยาน ต้องเดินออกมาทางประตูด้านข้าง เป็นสถานที่ให้ประชาชนได้พักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งยังมีสนามเปตอง ให้ประชาชนได้เล่น สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงเล่นกีฬาเปตองและทำให้กีฬานี้แพร่หลายในประเทศไทย ทรงเห็นว่ากีฬานี้เหมาะแก่คนทุกอายุ ผู้สูงอายุก็เล่นได้
สวนสมเด็จย่า ถือเป็นแหล่งพักผ่อนของใครหลาย ๆ คน ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และความรู้สมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ใครอยากมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ ก็สามารถแวะมาได้ทุกวัน ส่วนใครที่เคยไปมาแล้ว อย่าลืมมา “ร่วมแบ่งปัน ประสบการณ์ และ ไลฟ์สไตล์ ของคุณ” กันที่ www.reviewpromote.com นะคะ
FB: อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
Web: www.theprincessmothermemorialpark.org
เปิด: บริเวณอุทยานฯ เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.,
อาคารพิพิธภัณฑ์เปิดเวลา 08.30-16.30น. (ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์),
มุมหนังสือ เปิดเวลา 08.30-16.30 น. (หยุดวันจันทร์-วันอังคาร)
Tel: 0-2437-7799, 0-2439-0902
การเดินทาง
รถประจำทางที่ผ่าน / Bus No : สาย 6, 42, 43
ทางเรือ (เฉพาะเรือท่องเที่ยว) : ขึ้นที่ท่าเรือศาลาทรงจีน (ศาลเจ้าพ่อกวนอู)
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้