หลายคนคงอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง มุ่งสู่ธรรมชาติ ให้ธรรมชาติช่วยบำบัดร่างกายให้คลายเหนื่อยเมื่อยล้ากันสักหน่อย ซึ่งสถานที่ที่เราจะแนะนำนั้นอยู่ในจังหวัดนครนายก ที่แห่งนั้นก็คือ "ภูกะเหรี่ยง"
ภูกะเหรี่ยง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เน้นการเรียนรู้วิถิชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยในหลวงรัชกาลที่ ๙
ที่นี่มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวไปในทุ่งนา ให้เราได้เดินชมธรรมชาติ หอมไอดิน กลิ่นข้าว สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง
(ช่วงเดือนที่น่าเที่ยว คือช่วงเดือนกรกฎาคมเพราะที่นี่จะมีการทำนา ท้องทุ่งนาจะเขียวขจี สบายตาน่ามอง แอดไปช่วงที่เค้าทำนากันเสร็จแล้วเลยอดชมทุ่งนาเลย)
ภูกะเหรี่ยง เปิดให้เข้าชมวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 8:00 - 18:00 น.
เห็นว่าช่วงหน้าหนาวขยายเวลาเป็นวันศุกร์ 15:00 - 21:00 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 8:00 - 21:00 น.
โทรสอบถามได้ที่ 087 361 5821
ที่นี่จะเสียค่าเข้าชม 49 บาท ได้เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว เลือกเป็นกาแฟหรือน้ำผลไม้ก็ได้
เมนูเครื่องดื่มของที่นี่
นำใบนี้ไปสั่งเครื่องดื่มด้านในบ้านได้เลย
ทำไมต้องชื่อ "ภูกะเหรี่ยง" คำว่าภูกะเหรี่ยงเป็นชื่อของภูเขาในจังหวัดนครนายก และคนแถวนี้ก็เป็นคนลาวที่อพยพมา
นอกจากการเดินชมทุ่งนาแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมพาขึ้นเขาภูกะเหรี่ยง ชมธรรมชาติด้วย ใครสนใจสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ให้พาขึ้นชมเขาได้
ภูกะเหรี่ยง มีจัดกิจกรรมและเรียนรู้วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ใครสนใจอยากเรียนรู้สามารถโทรจองได้ที่เบอร์ 087 361 5821 กิจกรรมที่ให้ร่วมทำก็มีมากมายเช่น เก็บไข่เป็ด ทำข้าวยาคู กล้วยฉาบ ดำนา ปลูกยอดข้าวอ่อน ให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของยอดข้าวอ่อน กิจกรรมการเรียนรู้ของที่นี่สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ใครสนใจติดต่อไปได้เลยจ้า
ศูนย์การเรียนรู้ภูกะเหรี่ยง มีทั้งหมด 5 ฐาน
1. พิพิธภัณฑ์รัตนจัน
2. อุโมงค์ไม้เลื้อย
3. ยุ้งข้าวร้อยปี
4. สะพานไม้ไผ่
5. เล้าห่านเป็ดไก่ชน
บ้านไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น ด้านล่างทำเป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านของของฝาก ของที่ระลึก ส่วนด้านบนทำเป็นพิพิธภัณฑ์ของตระกูล เดี๋ยวเราจะพาขึ้นไปชมกันค่ะ
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ สินค้า OTOP ของชาวนา ต.พิกุลออก อ.บ้านนา จ.นครนายก เป็นข้าวที่ชาวนาปลูกเอง ทำขายเอง ราคาก็ไม่แพงเลย 1 กิโลกรัม เพียง 85 บาทเท่านั้น
ข้าวซ้อมมือ เกษตรอินทรีย์ 100% ปลอดภัย น่าซื้อเป็นของฝาก
กล่องนี้เป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ของที่นี่ เป็นผลิตผลจากไร่นา "ภูกะเหรี่ยง" ที่เราจะลงไปเดินเล่นกันในวันนี้
เครื่องดื่มที่เราสั่งเป็นเมนูแนะนำของที่นี่ นั่นคือ อัญชันมะนาวโซดา รสชาติซาบซ่า เหมาะกับอากาศร้อน ๆ พอเราเดินเที่ยวในทุ่งนามาเหนื่อย ๆ ก็จิบอัญชัญมะนาวโซดาซักหน่อยก็หายเหนื่อยทันที วัตถุดิบก็หาได้จากที่นี่ อัญชันก็เก็บจากรั้วบ้านนี่เอง เรียกได้ว่าเป็นเมนูจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
เมนูเด็ดของที่นี่ ใครมาก็ต้องลอง คือ ข้าวยาคู และน้ำนมข้าว&ต้นข้าวอ่อน วัตถุดิบก็ได้จากที่นี่อีกเช่นกัน ต้นข้าวอ่อนก็มาจากการเพาะปลูกของที่นี่
ข้าวยาคู เป็นเมนูที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย เพราะมีคลอโรฟีลสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณค่าทางสารอาหารสูง
น้ำนมข้าว&ต้นข้าวอ่อน ทำจากยอดข้าวอ่อนที่เพาะเอง ใช้ยอดอ่อนอายุ 14 วัน นำมาสกัดเป็นเครื่องดื่มสีเขียวนม กลิ่นหอมยอดข้าว ไม่เหม็นเขียว
ถ้ามาที่นี่ต้องลอง 2 เมนูนี้
ข้าวยาคู มีรสชาติหวานอ่อน ๆ แต่หอมมากกกกก หอมกลิ่นข้าวแบบสุดๆ แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที
ข้าวยาคู (ขนมจากยอดข้าว) ทำจากยอดข้าวอ่อน ใช้เมล็ดข้าวที่จะเพาะปลูกในไร่นาแห่งนี้ แต่แบ่งมาเพาะในกระถางเพื่อใช้ทำเมนูข้าวยาคูโดยเฉพาะ ใช้ยอดข้าวที่เติบโตประมาณ 14 วัน ยอดข้าวอ่อนนี้จะนำมาสกัดสีเขียวเพื่อให้ขนมมีสีเขียวสด จากนั้นก็นำข้าวที่ปลูกในไร่นาแห่งนี้มาโม่เป็นแป้ง ผสมรวมกับสีเขียวที่ได้จากยอดข้าวอ่อน นำมาทำเป็นขนมข้าวยาคู ทานคู่กับน้ำกะทิ โรยข้าวพอง และงาดำนิดหน่อยเพื่อสร้างสีสัน เนื้อสัมผัสจะคล้าย ๆ พุดดิ้ง แต่มีความเหนียวนุ่ม ลื่นคอ เคี้ยวง่าย กลิ่นหอมติดจมูก แนะนำให้ลองทานนะจ๊ะ ถ้าไม่ทานแปลว่ามาไม่ถึงนะ
ความแตกต่างจากของที่อื่นคือทุกอย่างทำจากข้าว สีเขียวก็มาจากข้าว(บางที่ใช้ใบเตย) แป้งก็โม่เองจากข้าวที่ปลูกในไร่นา
ถ้าใครหิว ก็มีอาหารไว้บริการ
ป้ายบอกสถานที่ต่าง ๆ ภายในภูกะเหรี่ยง
ที่แรกที่เราจะพาไปชมนั่นคือ พิพิธภัณฑ์รัตนจัน อยู่ชั้นบนของบ้าน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของบรรพบุรุษ 3 ตระกูล คือ จันลา, รัตนสุนทร และฉัตรปาโล ที่ได้มอบสิ่งของโบราณมาจัดแสดง รวมถึงสิ่งของโบราณที่ได้รับมอบมาจากชาวบ้านใกล้เคียง นำมาจัดแสดงเพื่อสานต่อวัฒนธรรมไทยเวียง (คนลาวจากเวียงจันทร์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในไทย)
สิ่งของภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
1.อุปกรณ์การทำนาของตระกูลจันลา
2.ของสะสมและของเก่าของชาวจีนโพ้นทะเล ตระกูลรัตนสุนทร
3.ตำราแพทย์แผนโบราณที่ทำจากใบข่อย ของตระกูลฉัตรปาโล
4.ของใช้พื้นบ้านของชาวไทยเวียง
แต่เดิมเป็นบ้านพักอาศัยของคุณชวด (ไม่ใช่ชื่อคนนะจ๊ะ แต่เป็นลำดับญาติของเจ้าของบ้าน ณ ปัจจุบัน) พอผู้เฒ่าผู้แก่เสียไป เหลือเพียงลูกหลาน บ้านแห่งนี้ก็เก่าแก่ เสื่อมโทรม ลูกหลานอยากรักษาบ้านหลังนี้ไว้ เลยดูแลซ่อมแซม และทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนพื้นที่รอบบ้านก็ทำไร่นา ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ทำนู่นทำนี่มาเรื่อย ๆ
ภูกะเหรี่ยงเริ่มเป็นที่รู้จักก็ตอนที่ทำสะพานไม้ไผ่ เป็นสะพานที่ทอดลงไปในทุ่งนา เจ้าของบอกว่าทำสะพานแห่งนี้ ไว้เพื่อเดินเล่น นั่งเล่นเฉย ๆ แต่พอเพื่อน ๆ มาเที่ยว แล้วถ่ายรูปลง Facebook เลยได้รับความนิยม มีการแชร์และบอกต่อ ที่แห่งนี้เลยโด่งดัง มีผู้คนแวะมาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง
ดอกไม้ ดอกหญ้าช่วยสร้างสีสัน ตัดความเขียวขจีของพื้นหญ้า สร้างความสดชื่นเป็นที่สุด
ต้นไม้มากมาย พร้อมป้ายบอกชื่อพันธุ์ไม้
ยอดต้นข้าวอ่อน ที่มาจากการสอนปลูกยอดข้าวอ่อน ซึ่งเมนูข้าวยาคูก็ได้จากผลผลิตในกระบะปลูกต้นข้าวเหล่านี้
ดอกอัญชันที่ขึ้นริมรั้วก็นำไปทำเมนูน้ำอัญชันต่าง ๆ ช่วงไหนที่อัญชันออกดอกเยอะก็จะมีเมนู ไข่เจียวอัญชัน จะเห็นว่าที่นี่เน้นใช้วัตถุดิบที่มีในธรรมชาติ พืชผัก ผลไม้ตามฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่
ซุ้มไม้เลื้อย เส้นทางที่จะนำพาเราไปสู่ความเขียวขจี
ช่วงที่เรามาเป็นช่วงที่เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ทุ่งนาเลยไม่เขียวขจี แต่ถ้าใครไปช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจะเจอทุ่งข้าวเขียวขจีเต็มท้องนา
ถึงไม่มีต้นข้าวเขียวขจี แต่ยังมีต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกหญ้า สายน้ำอยู่เต็มพื้นที่
สะพานไม้ไผ่ ที่ใครมาต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปสวย ๆ
กระท่อมหลังน้อยไว้นั่งพักผ่อนชมวิวสีเขียวขจี
สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด ก่อนกลับไปสู้กับงานในเมืองกรุง หากใครพลังหมด ที่นี่พร้อมที่จะให้คุณได้ชาร์จแบตร่างกายได้ทุกเมื่อ ไว้ไปเที่ยวกันนะ
ภูกะเหรี่ยง
ที่ตั้ง: ตำบลศรีนาวา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก
โทร: 087 361 5821
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้