นึกถึงประเทศญี่ปุ่น ก็มักจะมีความหลากหลายทั้งเรื่องสถานที่เที่ยว ธรรมชาติ และอาหารที่มีหลายรูปแบบ อีกทั้งยังสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปีไม่มีเบื่อ คงหนีไม่พ้น “ญี่ปุ่น” กลายเป็นสวรรค์ของนักเที่ยวจากหลายมุมโลก เชื่อเลยว่านักเดินทั้งหลายต้องมาเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3-5 ครั้ง อย่างแน่นอน วันนี้เราได้รวบรวม 7 พิกัดทีห้ามพลาดเมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น มาฝากรับรองเลยว่าไม่ว่าจะไปกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ แถมฟินๆกันไปเลย
1. Shibuya Crossing (Tokyo) : ห้าแยกชิบุยะ
หนึ่งในหนึ่งมุมสวยที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงแต่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนโตเกียวได้ดีสุด ๆ ก็คือบริเวณห้าแยกแห่งถนนชิบุยะใจกลางกรุงโตเกียวแห่งนี้ ที่หากได้ขึ้นไปถ่ายรูปบนมุมสูงของห้าแยกนี้จะสามารถเก็บภาพสีสันของผู้คนในเมืองโตเกียวและถ่ายภาพช็อตความวุ่นวายในเมืองนี้ได้อย่างสวยงาม แถมการเก็บภาพขณะยืนอยู่กลางห้าแยกนี้ยังเป็นมุมถ่ายภาพสุดท้ายทายของเหล่านักท่องเที่ยว ซึ่งในย่านชิบุยะแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอันเป็นแลนด์มาร์กของการช้อปปิ้งในโตเกียวและยังเป็นย่านที่มีรูปปั้นสุนัขผู้ซื่อสัตย์อย่างเจ้าฮาจิโกะที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟชิบุยะด้วย Shibuya Crossing (Tokyo)
ที่อยู่ : 2 Chome-3-1 Dōgenzaka, Shibuya-ku, Tōkyō-to 150-0043, Japan
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shibuya จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาที
ดูแผนที่ Shibuya Crossing (Tokyo)
Cr : allabout-japan
2. Kinkakuji (Kyoto) : วัดทองคินคะคุจิ
วัดทองคินคาคุจิเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดงดงามที่หลายคนมักจะวางแพลนเอาไว้หากจะเที่ยวในเมืองเกียวโต เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามอันสวยงาม ที่วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นและเป็นมุมสวยน่าประทับนั้นเป็นเพราะสีทองอันโดดเด่นของทั้งตัววัดที่เปล่งประกายอยู่ท่ามกลางสีเขียวของป่าไม้ บวกกับภาพสะท้อนตัววัดอันงดงามบริเวณน้ำเบื้องล่าง อันเป็นทิวทัศน์สุดงดงาม ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ใบไม้เริ่มร่วงโรยราอย่างในฤดูใบไม้ร่วงด้วยแล้วล่ะก็ สีแดง ส้มและเหลืองของใบไม้ทั้งหลายก็ช่วยทำให้วัดมีความงดงามไปอีกแบบ Kinkakuji (Kyoto)
ที่อยู่ : 1 Kinkakujicho, Kita Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 603-8361, Japan
วิธีเดินทาง : นั่งลงไปลงที่สถานี Kyoto แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปลงสถานี Kitaoji จากนั้นนั่งรถบัสสาย 101 หรือ 205 ไปลงป้ายรถบัส Kinkakuji-michi หรือนั่งรถบัสสาย 101 จากสถานี Kyoto ไปลงที่ป้ายรถบัสเดียวกันเลยก็ได้
เวลาทำการ : 9.00-17.00 น.
ราคา : ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 300 เยน
Website : https://www.shokoku-ji.jp
ดูแผนที่ Kinkakuji (Kyoto)
Cr : japantour50
3. Itsukushima Shrine (Hiroshima) : ศาลเจ้ากลางทะเล
แม้ฮิโรชิม่าจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่เมืองนี้ก็มีมุมสุดอเมซิ่งที่งดงามไม่ด้อยไปกว่าที่ไหนอย่างศาลเจ้ากลางทะเล Itsukushima ที่มีประตูศาลเจ้าโทริอิสีแดงตั้งอยู่กลางทะเลจนดูเสมือนลอยอยู่ในน้ำ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินด้วยละมุมสวยของศาลเจ้าแห่งนี้ก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีกด้วยแสงสีจากธรรมชาติ
Itsukushima Shrine (Hiroshima)
ที่อยู่ : 739 0588, Hiroshima Prefecture Hatsukaichi City Miyajima Town 1-1
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย San-yo Line มาลงสถานี Miyajimaguchi แล้วเดินอีก 5 นาทีไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะมิยาจิมา
เวลาทำการ : 06.30-18.00 น.
ราคา : ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 100 เยน
Website : http://www.sp.itsukushimajinja.jp/shrine.html
ดูแผนที่ Itsukushima Shrine (Hiroshima)
Cr : japancheckin
4. Mount Fuji From Lake Kawaguchi (Kawaguchiko) : ภูเขาไฟฟูจิแห่งทะเลสาบคาวากูจิโกะ
ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาไฟที่สวยที่สุดลูกหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มาทั้งทีหลายคนก็คงอยากเก็บภาพความงามของภูเขานี้เป็นความทรงจำดี ๆ บริเวณทะเลสาปคาวากูจิโกะเป็นสถานที่หนึ่งที่เราสามารถเก็บภาพความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ พร้อมทิททัศน์รอบ ๆ เอาไว้เป็นไฟล์ภาพได้อย่างสวยงามทั้งยังสามารถเห็นด้วยตาได้อย่างงดงามเกินคำบรรยาย เรียกได้ว่าบริเวณนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของคนที่ตั้งใจจะมาชมภูเขาไฟลูกนี้เลยก็ว่าได้ Mount Fuji From Lake Kawaguchi (Kawaguchiko)
ที่อยู่ : 3641, Funatsu, Fujikawaguchiko-machi, Minamitsuru-gun, Yamanashi-ken 401-0301, Japan
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Chou Line จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Otsuki แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงที่สถานี Kawaguchiko (ผู้ใหญ่คนละ 1,110 เยน เด็ก 560 เยน (เที่ยวเดียว)
ดูแผนที่ Mount Fuji From Lake Kawaguchi (Kawaguchiko)
Cr : japancheckin
5. Kawachi Fuji Garden (Fukuoka) : ซุ้มดอกฟูจิแห่งคิวชู
ความงามของสวนดอกไม้ในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นอีกหนึ่งมุมที่งดงามไม่แพ้กัน อย่างในสวนคาวาจิฟูจิแห่งภูมิภาคคิวชูนี้ก็มีอุโมงค์ดอกวิสทีเรียหรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่าดอกฟูจิเรียงรายเป็นทางยาวสวยงามราว 100 เมตร สีดอกฟูจิของสวนแห่งนี้จะไล่ระดับตั้งแต่สีม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ไปจนขาว เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ ดอกวิสทีเรียของที่นี่จะบานเต็มที่ประมาณในช่วงเดือนพฤษภาคม แวะมาแล้วเพิ่มความสดใสให้ทริปของคุณได้ที่นี่ Kawachi Fuji Garden (Fukuoka)
ที่อยู่ : 2-2-48 Kawachi, Yahata-ku, Kitakyushu, Fukuoka Prefecture 805-0045
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Yahata แล้วนั่งรถบัส Nishitetsu bus สาย 56 มาลงที่ Kawachi Elementary School แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ : ช่วงกลางเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมเปิดเวลา 8.00-18.00 น., ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนธันวาคม 9.00-17.00 น.
ราคา : ตั้งแต่ 500-1,500 เยน (ขึ้นอยู่กับปริมาณการบานของดอกไม้)
Website : https://kawachi-fujien.com
ดูแผนที่ Kawachi Fuji Garden (Fukuoka)
Cr : japantour50
6. Fushimi Inari Shrine (Kyoto) : ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ศาลเจ้า Fushimi Inari แห่งนี้ได้รับสมญานามว่าศาลเจ้าจิ้งจอก อันเป็นศาลเจ้าของลัทธิชินโตที่มีความศักดิ์สิทธิ์และที่โด่งดัง ชื่อเสียงของศาลเจ้าแห่งนี้นั้นมาจากประตูโทริอิสีแดงที่เรียงตัวกันเป็นซุ้มประตูแนวยาวหลายหมื่นต้นทั่วทั้งภูเขา ซึ่งบริเวณนี้เองที่เป็นจุดสุดปังที่อยากชวนให้ไปเก็บภาพของเสาโทริอิที่เรียงกันอยู่มากมายเหล่านี้เอาไว้เพราะเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง
Fushimi Inari Shrine (Kyoto)
ที่อยู่ : 68 Fukakusa Yabunouchi-cho, Fushimi-ku, Kyoto City 612-0882
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Inari จากนั้นเดินต่อประมาณ 2 นาที
เวลาทำการ : ไม่เสียค่าเข้าชม
Website : http://inari.jp/en/
ดูแผนที่ Fushimi Inari Shrine (Kyoto)
Cr : travizgo
7. Lake Ashinoko (Hakone) : ทะเลสาบอะชิโนะโกะ
อีกหนึ่งจุดที่สามารถชมวิวของภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงามก็คือ บริเวณทะเลสาปอะชิโนะโกะทีเกิดขึ้นจากการประทุของภูเขาไฟฮาโกเนะเมื่อ 3,000 ปีก่อน กลายเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ที่มีทิวทัศน์ด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูขิสุดงดงาม และสามารถมองเห็นภูเขาไฟจากบริเวณได้อย่างขัดเจนในช่วงฤดูหนาว เราจึงสามารถถ่ายทิวทัศน์ความงดงามของภูเขาไฟฟูจิและเรือที่ล่องในทะเลสาปเพื่อชมความงามของภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย
Lake Ashinoko (Hakone)
ที่อยู่ : Motohakone Hakone, Ashigarashimo District, Kanagawa Prefecture 250-0522 Japan
วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Odawara มาประมาณ 41 นาที
Website : https://www.hakone-kankosen.co.jp/foreign/thai/index.php
Cr : hakone-kankosen
ฝากติดตามเพจ ReviewPromote #ReviewPromote #กินเก่ง #เที่ยวเก่ง
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้