รีวิวอื่นๆ

อันตรายจากแสงแดด

โดย: Phairin Putaladkham
6 มีนาคม 2560 เวลา 11:31 ผู้เข้าชม: 84
0
0
0

ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ฤดู แสงแดดก็ยังเป็นตัวอันตรายลําดับต้นๆ  ที่จะทําให้ผิวขาว ใสของสาวๆ เปลี่ยนเป็นดํา หมองคล้ำ ไม่น่ามอง  ยิ่งไปกว่านั้นเมืองไทยของเรายังตั้งอยู่ในเขตประเทศโซนร้อน แสงแดด  และความร้อนจึงสามารถมาเยี่ยมเยือนผิวเรากันอยู่เสมอ จนหลายคนลืมไปแล้วว่า  แสงแดดก็สามารถทําอันตรายให้กับผิวได้เช่นกัน เวลาออกกลางแดด  หลังจากทาครีมกันแดดแล้ว อย่าลืมใส่แว่นกันแดดด้วย  เพราะรังสีอัลตร้าไวโอเลต ในแสงแดดก็มีผลเสียต่อตาด้วยเช่นกัน

โลกของเรามีชั้นโอโซนในบรรยากาศช่วยกรองรังสีอัลตร้าไวโอเลต  ที่มาจากดวงอาทิตย์ งานวิจัยตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1980 พบว่าชั้นโอโซนสลายไป 3  -6 % ทุก 10 ปี โดยเฉพาะบริเวณขั้วโลกเหนือ  ซึ่งเป็นผลมาจากสารคลอรีนที่เป็นมลพิษจากอุตสาหกรรมต่างๆ โดยทุก 1 %  ที่ชั้นโอโซนลดลงจะเพิ่มรังสีอัลตร้าไวโอเลต – B มาถึงผิวโลก 1 % ด้วย


ทำความรู้จักกับรังสี UV กัน แสงยูวีออกได้เป็น 3 ชนิดคือ

     
  1. ยูวีเอ (UVA)
    รังสีที่มีช่วงคลื่นยาว ทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำมากขึ้น ผิวจะแดง แต่น้อยกว่า  UVB เพราะรังสีจะผ่านทะลุเข้าไปทั้งชั้นหนังกำพร้า  และชั้นหนังแท้ซึ่งทำอันตรายต่อโครงสร้างและเซลล์ผิวหนัง  ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นรวมทั้งช่วยเสริมฤทธิ์ของ UVB  ทำให้เกิดเป็นอันตรายต่อผิวหนังมากขึ้นและยัง  เป็นปัจจัยที่เร่งการก่อตัวของอนุมูลอิสระซึ่งจะมีผลในการทำลายเส้นใยคอลลาเจน  และอีลาสติน ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยอีกด้วย
  2. ยูวีบี (UVB)
    เป็นรังสีช่วงคลื่นสั้นกว่า จะผ่านทะลุชั้นหนังกำพร้า  และหนังแท้ชั้นบนเท่านั้น เป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดกระ, ฝ้า  และจุดด่างดำ อีกทั้งทำให้เกิด SUNBURN  ซึ่งมีอาการผิวบวมแดงและอาจพองปวดแสบร้อน ผิวไหม้และแห้ง  กร้านคล้ำซึ่งเมื่อผิวถูกแดดเผาเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
  3. ยูวีซี (UVC)
    เป็นรังสีคลื่นสั้น  แสงช่วงนี้ส่วนใหญ่จะถูกดูดซับโดยก๊าซโอโซนในชั้นบรรยากาศ  ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบในรังสีชนิดนี้ แต่หากในอนาคต  ชั้นบรรยากาศไม่สามารถดูดซับได้หมด รังสี UVC ก็จะเป็นอีกหนึ่งรังสี  ที่เราจะหาทางรับมือป้องกัน
  4.  

ทางที่ดีที่สุด คือ เราควรหลีกเลี่ยง  การตากแดดมากเกินไป แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ การใช้ครีมกันแดด (SUN  SCREEN) ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด เนื่องจากปัจจุบันนี้  มีผลิตภัณฑ์กันแดดหลายหลากรูปแบบ ยี่ห้อ

วิธีดูแลผิวหลังโดนแสงแดด

ผิวหนังของแต่ละคน ตอบสนองต่อแสงแดดแตกต่างกัน ขึ้นกับสีผิว  หรือปริมาณของเม็ดสี (melanin pigment) ที่ผิวหนังของแต่ละคน  คนที่มีปริมาณเม็ดสีน้อย จะมีสีผิวขาว  และมีแนวโน้มที่จะเกิดการไหม้แดดได้ง่ายกว่าคนสีผิวคล้ำ  ริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดจากเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน  ยิ่งอายุมากขึ้นริ้วรอยยับย่นแห่งวัย ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นได้ง่าย และเร็ว  ควรดูแลผิวเสียแต่เนิ่นๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว  ประเภทม้อยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุง ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน และอีลาสติน  แต่นับจากนี้ก็ต้องหมั่นดูแลตัวเอง ให้ได้รับผลเสียจากแสงแดดน้อยที่สุด  เพราะริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาในการลดเลือนริ้วรอย

การไหม้แดด (sunburn reaction) กรณีที่อาบแดดนานๆ  อยู่ท่ามกลางความร้อนมากเกินไปหรือแพ้สภาพอากาศอาจทำให้ใบหน้า  และบริเวณหน้าอก ขึ้นเป็นผื่นแดงได้ หรืออาจมีไข้ด้วย  วิธีการบรรเทาอาการเบื้องต้น คือ ประคบด้วยความเย็น ทานยาแก้ปวด  จําพวกแอสไพริน จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดีกว่ายาพาราเซตามอล ส่วน  วิธีที่ดีที่สุด คือใช้ครีมบำรุงผิว สูตรบรรเทาผื่นแดง  สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพื่อลดขนาดของรอยผื่น และต้องหลบแดดทันที  ควบคู่กับการงดทำซาวน่า และอยู่ให้พ้นจากชายหาด ที่มีลมแรงสักระยะ  แล้วค่อยไปพบแพทย์ แต่เมื่อผิวหนังบริเวณที่ไหม้แดดลอกออก  ก็จะกลายเป็นรอยดํา จําเป็นต้องทาครีมจําพวก AHA ทํา IONTOPHORESIS  ด้วยวิตามินซี หรือทําเลเซอร์เพื่อลดฝ้ากระ ริ้วรอยของผิวหน้า

ปัญหาผิวแผ่นหลังลอก จะเกิดหลังจากผ่านการอาบแดดมา  ซึ่งสามารถ แก้ไขได้โดยให้ผิวสัมผัสนุ่มเนียนขึ้นได้  โดยใช้ออยล์ลูบไล้ให้ทั่ว แต่จะดียิ่งขึ้นหากใช้เกลือขัดผิว  หรือบอดี้สครับสูตรอ่อนโยนขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้หลุดออก

ผิวขาหยาบกร้านแห้ง แตก เป็นขุย  เป็นผลมาจากร่างกายขาดน้ำ จึงต้องดื่มน้ำมากเป็นพิเศษ และขัดผิว  อย่างถูกวิธีควบคู่ไปด้วย ผิวกายควรใช้แปรงขัดผิว ใยบวบ  หรือถุงมือขัดผิวโดยเฉพาะ ขัดถูให้ทั่ว พร้อมกับ ใช้ครีมขัดผิวคู่ไปด้วย  หลังจากนั้น อย่าลืมบำรุงผิวที่หยาบกร้านด้วยโลชั่นถนอมผิว

ไหล่ เป็นจุดที่ถูกแดดเผาได้ง่าย  หากคุณเปลือยไหล่อาบแดด จึงควรประคบผิวส่วนนี้ให้เย็นขึ้น ด้วยการใช้โลชั่น  ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน สำหรับชะโลมผิวหลังอาบแดด โดยเฉพาะ  หรือชะโลมด้วยน้ำเย็นก่อนเป็นอันดับแรก

สีผิวคล้ำขึ้น (tanning)  เกิดจากมีการผลิตและกระจายของเม็ดสีมากขึ้น เพื่อป้องกันนิวเคลียสของเซลล์  ของผิวหนัง จากอันตรายของแสงแดด ผู้ป่วยโรคผิวหนังบางชนิด  จะมีความไวต่อแสงแดดมากกว่าคนปกติ  เมื่อถูกแสงแดดจะทำให้อาการของโรคกำเริบขึ้นได้  ผู้ป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือใช้ครีมกันแดด เป็นประจำ  ยาบางชนิด จะทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้น เช่น ยาในกลุ่มเตตราไซคลิน  ซัลฟา ยากันชัก ยาแก้โรคซึมเศร้า ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์  เป็นต้น

ประเภทของสารกันแดด

สารกันแดดสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

     
  1. สารกันแดดสะท้อนแสง( Physical sunscreen)  เป็นสารเพิ่มคุณสมบัติสะท้อนแสง ส่วนมากไม่ทำปฏิกิริยาการแพ้กับผิวหนัง  เช่น titanium dioxide, zine oxide เป็นต้น  สารในกลุ่มนี้สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA, UVB, Visible Light และ Infrared  Light
  2. สารกันแดดดูดแสง ( Chemical sunscreen)  เป็นสารที่สามารถดูดซับพลังงานของแสงแดดไว้ก่อนที่แสงลงไปที่ผิวหนัง  สารในกลุ่มนี้มีหลายชนิด  ซึ่งสามารถดูดซับพลังงานในช่วงที่ต่างกันและอาจทำให้เกิดการแพ้ได้
  3.  

ทำความรู้จักกับ SPF และค่า PA

SPF คืออะไร

SPF หรือ Sun Protection Factor  เป็นค่าในการวัดอัตราการปกป้องผิวจากรังสี UVB โดยเป็นคำที่ถูกกำหนด  และยอมรับโดยยุโรป และอเมริกา และตัวเลขที่อยู่หลัง SPF ก็คือ (  ดัชนีป้องกันแสงแดด)  ตัวเลขนี้จะบอกระยะเวลานานที่สุดที่คุณสามารถอยู่กลางแสงแดดได้ก่อนผิวจะไหม้เกรียม  จำนวนเท่าที่สามารถป้องกันรังสี UVB ได้  โดยเทียบกับผิวปกติที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด และครีมกันแดดที่มีค่า SPF  สูงๆ ไม่ได้บ่งบอกว่าจะสามารถป้องกันรังสี UVA ได้แต่จะป้องกันเพียงแค่ UVB  เท่านั้นเอง แต่เราสามารถดูจากค่าความป้องกัน UVA ได้จาก PA

PA หมายถึง Protection Grade of UVA หรือระดับการป้องกันแสง UVA นั้นเอง

ระดับการป้องกันแสง UVA ที่บอกค่าโดย PA นั้น มีอยู่ 3 ระดับ
PA+ สามารถกันยูวีเอได้บางส่วน ส่วนมากจะกันได้ช่วง 320-340 นาโนมิเตอร์ เท่านั้นเหมาะกับการป้องกัน ทั่วๆไป
PA++ สามารถกันยูวีเอได้เกือบครบทั้ง 400 นาโนมิเตอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง
PA+++ สามารถกันยูวีเอได้ครบถึง 400 นาโนมิเตอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันแสงแดดเป็นเวลานาน


การเลือกใช้ครีมกันแดด

     
  • ครีมกันแดดโดยทั่วไปจะมีค่า SPF 15-50 PA+ ขึ้นไป  ซึ่งมีทั้งครีมกันแดดที่สามารถกันน้ำได้และกันน้ำไม่ได้  ซึ่งผลิตออกมาหลายรูปแบบเช่น ครีม สเปรย์ และโลชั่น เป็นต้น
  • ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของครีมรองพื้น ซึ่งมีคุณสมบัติทั้งป้องกัน UV  จากแสงแดดและช่วยปรับสภาพสีผิวให้เรียบเนียนและสม่ำเสมอมากขึ้น ค่า SPF  ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ SPF15-30 PA+ ขึ้นไป
  •  

แต่ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมการนำ BB Cream  ( Blemish Balm Cream )  นำมาผสมผสานกับครีมกันแดดเพื่อการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ  และด้วยคุณสมบัติที่เด่นชัดของ BB Cream  ในเรื่องของการปรับสภาพสีผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ  ด้วยเนื้อครีมที่บางเบากว่าครีมรองพื้นทั่วไป จึงไม่ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า  มีค่า SPF15-50 PA+++ ซึ่งเหมาะกับสภาพผิวของคนเอเชียเป็นอย่างดี  นับได้ว่าเป็นเคล็ดลับหน้าใสสไตล์เกาหลีที่นิยมกันอยู่ในขณะนี้

ผิวหนังมีการป้องกันตัวเองจากแสงแดดได้อย่างไร ?

ในภาวะปกติ  ผิวหนังจะป้องกันตัวเองโดยสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มขึ้น  และเพิ่มความหนาของเซลล์ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าชั้นบน  เพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด โดยเซลล์ชั้นบนสุดจะสะท้อนแสงอุลตราไวโอเลต  และยังมีโปรตีนบางชนิด ที่สามารถดูดซับแสงอุลตราไวโอเลต โดยเฉพาะช่วงของ  UVB ได้ด้วย


ปกป้องผิวจากแสงแดด
หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10.00 น. ถึง 15.00 น. ซึ่งจะมีปริมาณของแสง UVB  ซึ่งเป็นตัวการหลักในการเกิดการไหม้แดด มากกว่าช่วงเวลาอื่นของวัน

ถ้าจำเป็นต้องออกไปกลางแดด ควรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว  ใส่หมวกปีกกว้าง กางร่ม พยายามอยู่ในที่ที่มีร่มเงา  สวมแว่นตากันแสงอุลตราไวโอเลต เพื่อป้องกัน การเกิดต้อกระจก

ทาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันทั้ง UVA และ UVB ก่อน อย่างน้อย 30  นาทีล่วงหน้า ถ้าต้องออกไปกลางแจ้ง แสง UVA สามารถผ่านทะลุกระจกได้  ผ่านก้อนเมฆได้ เวลาไปเที่ยวชายหาด แม้จะอยู่ในร่ม  แสงอุลตราไวโอเลตก็สามารถสะท้อนเม็ดทราย ผิวนํ้า มาถึงร่างกายเราได้

SPF หรือ sun protection factor คือ  ความสามารถของครีมกันแดดที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการแดงไหม้หลังจากตากแดด  โดยจะแสดงเป็นตัวเลข เช่น หากคนๆหนึ่งตากแดด 30 นาที แล้วผิวแดงไหม้แสบ  แต่ถ้าทาครีมกันแดดที่มี SPF 8 หมายความว่าคนๆนั้น สามารถตากแดดได้นานเป็น 8  เท่า คือประมาณ 4 ชั่วโมง โดยไม่มีอาการแดงไหม้

สำหรับผิวชาวเอเชียหรือคนไทย ครีมกันแดดที่เลือกใช้ควรมีค่า SPF=15  ก็เพียงพอแล้วสำหรับที่จะใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งถูกแดดไม่มากและควรใช้อย่างสม่ำเสมอ  แต่ถ้าไปเที่ยวชายทะเลหรือเล่นกีฬากลางแจ้งก็ต้องใช้ SPFที่สูงขึ้น  โดยเฉพาะเวลาที่ว่ายน้ำควรเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำได้และควรทาซ้ำทุกๆ 2  ชั่วโมงสำหรับเด็กๆที่เรียนว่ายน้ำหรือวิ่งเล่นตามชายหาดก็ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน  เพราะรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตจะมีผลเสียต่อผิวหนังแบบสะสม  ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดตั้งแต่เด็กจะป้องกันผลเสียจากแสงแดดได้ดีกว่าตอนเป็นผู้ใหญ่

ผู้สนับสนุน

แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้

คอมเม้น

0 คอมเม้น
Other Review by Phairin Putaladkham

กฎการรีวิว

People who love what they do help
you get everything done at an
unbeatable value.

รีวิวโดยทีมงาน RP

What do you do best? Create your
Gig and start selling. It’s free, and
only takes 5 minutes.

ร่วมกิจกรรม

Your safety is our top priority. Secure
transactions and our safety team
protect you at all times.
เข้าสู่
ระบบ
เขียน
รีวิว
รีวิว
อัพเดท
Top 10
รีวิว
TOP
ติดต่อทีมงานเพื่อ
แนะนำรีวิวน่าสนใจ
https://reviewpromote.com/post/77/%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%94