เมื่อพูดถึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คงนึกถึง หัวหิน ปราณบุรี หรือบางสะพาน เป็นลำดับแรก ๆ อาจเพราะชายหาดสวย น้ำทะเลน่าลงเล่น รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายรูปแบบน่าสนใจ
แต่ถ้าพูดถึง อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะเทศบาลเมืองประจวบฯ นอกจากเขาช่องกระจก และชายหาดอ่าวมะนาวแล้ว บางคนอาจนึกไม่ออกว่ามีที่ไหนน่าสนใจอีก
จริงอยู่ที่ทะเลตรงพื้นที่เมืองประจวบฯ อาจไม่สวยสะอาดน่าลงเล่นเหมือนที่อื่น ๆ แต่ที่นี่กลับมีเสน่ห์ที่บนชายฝั่ง อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ยกพลขึ้นบกของกองทัพญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงถนนและบ้านเรือนเก่าแก่อายุร้อยปีซึ่งยังคงอนุรักษ์บรรยากาศให้เสมือนว่าถูกหยุดเวลาตั้งแต่อดีต
ซึ่งทั้งหมด บอกได้เลยว่า เที่ยวได้ภายใน 1 วัน!
การเดินทางมาอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ทำได้ 2 ทาง คือทางรถยนต์และทางรถไฟ สำหรับครั้งนี้ เราเดินทางมาด้วยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ มาถึงตัวเมืองก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว ก็ขอเข้าไปเช็คอินที่พักก่อนเลย
Town House by the Sea
ทาวน์เฮาส์หลังเล็ก ๆ ริมอ่าวประจวบ ลักษณะคล้าย ๆ เกสต์เฮาส์ผสมกับโฮมสเตย์ คือ พักร่วมกับเจ้าของบ้าน ที่นี่มีห้องพักเพียง 2 ห้องเท่านั้น ทำเลที่ตั้งดีมาก หน้าบ้านคืออ่าวประจวบ หลังบ้านคือถนนคนเดิน แต่บรรยากาศเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย
ออกมาหน้าที่พัก ทะเลอยู่ห่างเพียงถนนกั้น มองไปด้านขวาจะเห็น เขาล้อมหมวก และหมู่เกาะตั้งตระหง่านอยู่ และเมื่อมองไปด้านขวา จะเห็นภูเขาลูกเล็ก ๆ มีบันไดขึ้นไปยังวัดด้านบน นั่นคือที่หมายของเราในเย็นวันนี้
เขาช่องกระจก
ภูเขาเล็ก ๆ ที่เป็นเหมือนอีกสัญลักษณ์ของเมืองประจวบฯ มีช่องทะลุที่เกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ จึงเปรียบให้เหมือนช่องกระจก มาภูเขานี้ต้องระวัง เพราะถิ่นนี้ ลิง คุม ศาลาที่ให้นั่งพักระหว่างเดินขึ้นเขา และศาสนสถานด้านบน กลายเป็นที่อาศัยของฝูงลิงไปเสียแล้ว ใครที่ขึ้นมาควรมีไม้ยาว ๆ พกติดตัวไว้
ยอดเขาเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์และพระมณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง จุดนี้เองสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองประจวบคีรีขันธ์ได้เกือบ 360 องศา หากมาตอนเช้า ก็จะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากทะเล หากมาตอนเย็นก็จะเห็นเมืองที่เปิดไฟส่องสว่าง ตัดกับท้องฟ้าที่ค่อย ๆ มืดลง
เชิงเขาเป็นที่ตั้งของ วัดธรรมิการาม เป็นพระอารามหลวงสำคัญของเมืองประจวบฯ
เดินลงจากเขาก็ค่ำพอดี มื้อเย็นวันนี้เราไปตามที่เจ้าของบ้าน Town House by the Sea แนะนำมา
La Vite Pizzeria
ร้านอาหารเล็ก ๆ บนถนนสละชีพ มีเมนูไม่มากแต่ที่ห้ามพลาดคือ โฮมเมดพิซซ่า จะสั่งแบบทั้งถาดหน้าเดียว หรือแบ่งครึ่งถาด 2 หน้าก็ได้ แนะนำให้ลองหน้าลาบหมู รสชาติอร่อยใช้ได้
.
.
.
ยามค่ำคืนเมืองประจวบฯ นั้นค่อนข้างเงียบ ฉะนั้นสิ่งที่ควรทำคือ...รีบนอน
รีบนอน...เพื่อจะได้ตื่นเช้ามาดูดวงอาทิตย์ขึ้นจากทะเล โดยมีเขาล้อมหมวกและหมู่เกาะเป็นองค์ประกอบฉากที่สวยงาม เดินเลียบอ่าวประจวบมา ก็จะมีสะพานปลาสร้างยื่นไปในทะเล จะถ่ายดวงอาทิตย์กับหมู่เกาะ หรือจะหันกลับมาถ่ายวิวเมืองและเขาช่องกระจกก็สวยไม่แพ้กัน
ร้านอาหารเช้าขึ้นชื่อของเมืองประจวบคือ ร้านอิ่มอกอิ่มใจ หรือเรียกกันว่า โจ๊กเกาะหลัก มีขายทั้งโจ๊ก ข้าวต้ม เกาเหลา รสชาติอร่อยดี
เยื้อง ๆ กับร้าน เป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งวัดสำคัญประจำเมืองประจวบคีรีขันธ์
วัดเกาะหลัก
ตามประวัติกล่าวว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่พระอุโบสถที่เห็นในปัจจุบันสร้างประมาณปีพ.ศ.2482 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8 แต่ยังคงทรวดทรงแบบโบราณไว้อยู่
ภายนอกพระอุโบสถประดับลวดลายปูนปั้นที่รังสรรค์โดยช่างหลายคน หนึ่งในนั้นคือ นายพิน อินฟ้าแสง และนายเลิศ พ่วงพระเดช ศิลปินฝีมือเยี่ยมจากจังหวัดเพชรบุรี
ภายในพระอุโบสถวาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง วาดโดย นายเลิศ พ่วงพระเดช จิตรกรชาวเพชรบุรี ผนังตรงข้ามพระประธานวาดพุทธประวัติตอนมารผจญ ด้านหลังพระประธานวาดภาพเสด็จโปรดพุทธมารดา ผนังเหนือหน้าต่างทั้งสองฝั่งวาดภาพคล้ายเทพชุมนุมอย่างจิตรกรรมไทยประเพณี ที่ใช้คำว่า คล้าย ก็เพราะผู้ที่นั่งประนมมือไม่ใช่เทวดา แต่เป็นตัวละครจากเรื่อง รามเกียรติ์ ทั้งพระ นาง ยักษ์ ลิง มีชื่อตัวละครกำกับไว้ว่าใครเป็นใคร
ปกติพระอุโบสถจะเปิดทำวัตรประมาณ 8 โมงเช้า ก่อนจะแวะทานโจ๊กเกาะหลัก ก็เข้ามาไหว้พระและชมภาพจิตรกรรมก่อนได้
ถนนสายวัฒนธรรมสู้ศึก
ถนนในเมืองประจวบฯ ตั้งชื่ออย่างขึงขังทรงพลัง นั่นคือ ถนนสู้ศึก และถนนสละชีพ ชื่อของถนนดังกล่าวตั้งตามเหตุการณ์วีรกรรมกองบิน 5 ที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่บ้านเรือนที่อยู่ริมถนนนั้น สร้างก่อนเหตุการณ์ดังกล่าวหลายสิบปี บางหลังก็มีอายุถึงร้อยปีแล้ว
ยามเช้าที่เงียบสงบ แดดยังไม่แรง เหมาะแก่การเดินเล่นชมเมืองเก่า แวะทานกาแฟ แวะถ่ายรูปตามทาง ที่นี่มีมุมถ่ายรูปแนวย้อนยุคหลายแห่ง มีการประดับป้ายและธงแบบย้อนยุคตามถนนสร้างบรรยากาศไปอีก
หากใครมาวันอาทิตย์ ก็จะมีงาน ถนนสายวัฒนธรรมสู้ศึก คึกคัก มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมรวมถึงการจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกด้วย
เกือบสุดถนนสู้ศึกเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ หรือศาลเจ้าพ่อยูวาเซ็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง มีพิธีบวงสรวงด้วยการรำโนราถวาย ในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี
ยามสาย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ อีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองประจวบฯ ที่ต้องมาเที่ยวชม คือ
กองบิน 5 อ่าวมะนาว
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ ยกพลขึ้นบก ตามแนวชายฝั่งของประเทศไทย ครั้งนั้นมีทหารและยุวชนทหารเข้าต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นด้วยความกล้าหาญ มีผู้สละชีพไป 42 คน
จึงได้มีการสร้าง อนุสาวรีย์วีรชน เพื่อเป็นการรำลึกถึง และได้เปิดอาคารบางส่วนในพื้นที่เป็น พิพิธภัณฑ์และอาคารประวัติสงครามกองบิน 5 ให้ผู้มาเที่ยวชมได้ศึกษาภาพรวมเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 08.00 -15.00 น.ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป 20 บาท
ในพื้นที่อ่าวมะนาวยังมีอีกหลายกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น กิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก 902 ฟุต ซึ่งจะเปิดให้ขึ้นไปเป็นช่วงเวลาที่กำหนด หรือใครอยากเล่นน้ำทะเล ชายหาดอ่าวมะนาวก็ถือได้ว่าสะอาดและปลอดภัย มีร้านอาหารและที่พักให้บริการด้วย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองบิน ๕ กองทัพอากาศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
...
อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อาจไม่ใช่สถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือคึกคักสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ ความสโลว์ไลฟ์ ชอบทั้งเมืองและธรรมชาติ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว
แชร์บอกให้เพื่อนคุณรู้